8/3/57

'หลวงพ่อพาน'ขายมรดกพ่อแม่-สร้างวัด


'หลวงพ่อพาน'ขายมรดกพ่อแม่-สร้างวัด

'หลวงพ่อพาน วัดโป่งกระสัง' ขายมรดกของพ่อแม่ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาสร้างวัด : เรื่อง / ภาพ ... ไตรเทพ ไกรงู


                          "เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพาน สุขกาโม ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นพระที่สมถะมากๆ กุฏิของท่านเป็นเพียงห้องเล็กๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าๆ คนที่ไม่เคยไปวัดมาก่อน หากได้เห็นกุฏิของท่านแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ในการสร้างวัดท่านได้ขายที่ดินซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาสร้างวัด"

                          พระครูประวัติศีลาจาร หรือหลวงพ่อพาน สุขกาโม อดีตเจ้าอาวาสวัดเฉลิมราษฎร์ (โป่งกะสัง) ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีธรรม เคร่งในวัตรปฏิบัติและพระธรรมวินัย มีความสมถะเรียบง่าย เป็นพระผู้แก่เรียน ท่านศึกษาค้นคว้าและอ่านพระไตรปิฎกอันเป็นแก่นแท้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง รวมทั้งเป็นพระนักปฏิบัติโดยได้ออกเดินธุดงค์กับหลวงพ่อเพลิน อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองไม้เหลืองตั้งแต่พรรษาต้นๆ ที่บวช
                          หลวงพ่อพาน ท่านเป็นพระนักอ่าน ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งพระครูโสภิตวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดโป่งกระสัง รูปปัจจุบัน เคยถามท่านว่า "อ่านหนังสืออะไร" ท่านตอบว่า "อ่านพระไตรปิฎก" แล้วถามต่ออีกว่า "มีกี่เล่ม" ท่านตอบว่า "๑๐๐ เล่ม" และถามต่ออีกว่า "เมื่อไร่จะอ่านจบ" ท่านตอบไว้อย่างน่าคิดว่า "จบเมื่อไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อ่านเพื่อเข้าใจและนำมาปฏิบัติได้ และสอนคนอื่นได้ด้วย"
                          ส่วนการสร้างวัตถุมงคลนั้นมีไม่มาก เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ยอมให้ใครสร้าง ก็ขนาดหนังสือมหาโพธิ์ ของใหญ่ ท่าไม้ จะมาขอสร้างวัตถุมงคลของท่าน ท่านยังไม่ยอมให้สร้างเลย วัตถุมงคลของท่านมีดังนี้
                          ๑.พระเนื้อผงรุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ ตามประวัติที่หลวงพ่อพานท่านได้เล่าให้นายอรรตภูมิ สร้อยทอง ซึ่งป็นเด็กวัดและบีบนวดท่านเป็นประจำ ฟังว่า พระผงรุ่น ๑ นี้ พอท่านได้เรียนวิชากับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงแล้ว ท่านได้นำผงพุทธคุณไปให้อาจารย์ปลุกเสก แต่หลวงพ่อทองศุขกลับบอกว่า ไหนๆ ก็เรียนวิชาจบหมดแล้วก็มาปลุกเสกด้วยกันสิ ท่านจึงได้ปลุกเสกร่วมกับหลวงพ่อทองศุข
                          ส่วนรุ่นที่ ๒ เป็นพระสมเด็จเนื้อผงอีกเช่นกัน จัดสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ โดยได้นำผงพุทธคุณรุ่นแรกมาผสมด้วย สังเกตให้ดีมวลสารคล้ายกันมาก ๒ รุ่นนี้ โดยรุ่นนี้ได้ปลุกเสกร่วมกับศิษย์ผู้พี่ หลวงพ่อเพลิน ที่วัดหนองไม้เหลือง ต่อมา พ.ศ.๒๕๒๓ ท่านได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดโป่งกะสัง และได้นำสมเด็จรุ่นนี้มาแจกที่วัดโป่งกะสัง ชาว อ.กุยบุรี จึงจัดรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของวัดโป่งกะสัง ส่วนเหรียญรุ่นแรกของท่านจัดสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ จำนวนไม่เกิน ๑ หมื่นเหรียญ เพราะบล็อกแตกเสียก่อน
                          ส่วนรุ่น ๓ สร้าง ๓ เนื้อ ประกอบด้วย เนื้อทองคำ ๘๒ เหรียญ เนื้อเงิน ๘๒ เหรียญ เนื้อทองแดงรมดำ ๖,๐๐๐ เหรียญ รุ่น ๔ เป็นเหรียญหล่อ ทองคำ ๘๔ เหรียญ เงิน ๕๐๐ นวะและทองเหลืองรวม ๕,๐๐๐ เหรียญ เหรียญหล่อนี้หลวงพ่อพานนำมาโรงหล่อที่พรานนกด้วยตนเอง โดยได้นำตะกรุด แผ่นทองแดงที่จารแล้วจำนวนมาก และเงินพตด้วง สตางค์รู 
                          หลวงพ่อพาน มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๙ รวมอายุ ๘๔ ปี สรีระของท่านไม่เน่าเปื่อย ถูกเก็บไว้ในโลงไม้เพื่อลูกศิษย์ได้ชมบารมี ปัจจุบันวัดโป่งกะสัง มีพระครูถาวรธรรมประสิทธิ์ เป็นเจ้าอาวาส งานหนึ่งที่ท่านสานต่อเจตนารมณ์ของหลวงพ่อพาน คือ สร้างโบสถ์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ ผ่านไปกว่า ๔๐ ปี โบสถ์ที่หลวงพ่อพานสร้างไว้ยังไม่แล้วเสร็จ ผู้มีจิตศรัทธาเข้ากราบสรีระหลวงพ่อพาน และร่วมบุญสร้างโบสถ์ได้ที่ โทร.๐-๓๒๘๒-๓๐๙๒ และ ๐๘-๙๙๘๐-๖๖๗๐     

------------------------------
ตะกรุดหลวงพ่อพาน

 

                          อ.ไชยา อ่ำสำอางค์ "เซียนใหญ่พระหลวงพ่อยิด" และเจ้าของฉายา "ศิษย์พ่อยิด" เล่าให้ฟังว่า สมัยที่เป็นเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ไร่เนิน ท่านได้นิมนต์หลวงพ่อเบิ้ม หลวงพ่อพาน หลวงพ่อยิด อาจารย์จิ หลวงพ่อผล วัดหนองแขม หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง และหลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก เพื่อที่จะมาปลุกเสกวัตถุมงคล ในวันที่ ๗-๙ เมษายน ๒๕๓๘ ขณะนั่งปลุกเสกวัตถุมงคล ปลัดขิกมหาโชคลาภที่อยู่หน้าอาจารย์ยิด เกิดแตกดังเป๊าะ (อยู่ในถุง) ปลัดขิกก็ค่อยๆ ตั้งขึ้นมา อาจารย์ไชยา หันหน้าไปหาหลวงพ่อพาน ตะกรุดที่อยู่ในพานตรงหน้าหลวงพ่อพาน จำนวน ๗๐๐ ดอก ก็ตั้งขึ้นมาพึ่บพั่บไปหมด คนลุกหือไปหมด หลังเสร็จพิธี ผู้คนต่างแย่งวัตถุมงคลกันจนหมด
                          นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องหนึ่งที่เป็นอมตะ คือ ในสมัยก่อน วัดโป่งกะสังมีหลวงพ่อพานอยู่รูปเดียว คอมมิวนิสต์ชุกชุมมากจริงๆ จึงไม่มีพระรูปใดกล้าอยู่ มี ตชด.ท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนยิงหลวงพ่อพาน (ด้วยตัวของเขาเอง) เล่าให้อาจารย์ไชยาฟังว่า สมัยก่อนเป็นป่าเต็มไปหมด ตชด.ก็ลาดตระเวนในเวลากลางคืน พอมาถึงหน้าโบสถ์ซึ่งเป็นป่าเขาสูง เห็นเงาตะคุ่มๆ ก็นึกว่าคอมมิวนิสต์ พวก ตชด.ยิงใส่ไม่มียั้ง ยิงเท่าไรก็ไม่ยอมล้มเสียที จึงค่อยๆ ย่องไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นพระมาเดินจงกรม ตชด.คนยิงกล่าวกับอาจารย์ไชยา “แปลกทำไมยิงท่านไม่ถูกเลย”  
                          ตะกรุดหลวงพ่อพานนี้แม้แต่หลวงพ่อยิดยังยกย่องตลอด (เรียกว่าเป็นพี่เบิ้มของพระอาจารย์แถบภาคกลางตอนล่างในยุคนั้น) หลวงพ่อยิดท่านพูดว่า ของฉันเก่งก็เก่งจริง แต่ถ้าทำไม่ดีเดี๋ยวคุ้มไม่ได้ ของหายบ้าง เสื่อมบ้าง อะไรบ้างแต่ของหลวงพ่อพานคุ้มได้หมด นั่นคือวัตถุมงคลของหลวงพ่อพานท่านคุ้มครองแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่หลวงพ่อคูณเอง ถ้ามีคนจากภาคกลางหรือภาคใต้ไปเยี่ยมท่าน ท่านจะบอกว่าให้ไปไหว้หลวงพ่อพานแทน หลวงพ่อคูณท่านว่า “ไปไหว้หลวงพ่อพานนู้น เก่งกั่วกู๋อี๊ก” (ไปไหว้หลวงพ่อพานนู่น เก่งกว่ากูอีก)
                          "ท้องที่กุยบุรีแล้วท่านเป็นอันดับหนึ่งเรื่องคงกระพันชาตรีหนังเหนียวยิ่งนัก มีประสบการณ์จนเป็นที่กล่าวถึงและเรื่องเล่ากันมากมาย สิ่งที่เป็นสุดยอดแห่งความต้องการของบรรดาลูกศิษย์ ก็คือ ตะกรุดโทน ท่านจะลงจารเองทุกดอกและจะลงช่วงในพรรษาแค่ ๑๐๘ ดอกเท่านั้น" อ.ไชยา กล่าว

------------------------------
ลูกศิษย์ที่ทำเพื่อบูชาครูอาจารย์

 

                          "รายได้จากการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้มอบแก่วัดโป่งกระสัง"
                          นี่เป็นวัตถุประสงค์ในการจัดพิมพ์หนังสือประวัติและวัตถุมงคล "หลวงพ่อพาน สุขกาโม" โดย ด.ต.วิรัตน์ อาจสัญจร ผบ.หมู่งานจราจร สน.บางยี่ขัน กทม. ผู้สะสมและรวบรวมปาฏิหาริย์พระหลวงพ่อพาน ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมประวัติหลวงพ่อพาน การจัดสร้างวัตถุมงคล และประสบการณ์จริงไว้เกือบ ๑๐๐ เรื่อง
                          ด.ต.วิรัตน์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งที่หลวงพ่อพาน สุขกาโม  ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นพระที่สมถะมากๆ กุฏิของท่านเป็นเพียงห้องเล็กๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าๆ คนที่ไม่เคยไปวัดมาก่อน หากได้เห็นกุฏิของท่านแล้วไม่มีใครเชื่อว่าเป็นกุฏิเจ้าอาวาส ในการสร้างวัดท่านได้ขายที่ดินซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาสร้างวัด ยานพาหนะของวัดไม่เคยมีใช้ เวลาท่านมีกิจธุระท่านก็จะเดินอย่างเดียว รองเท้าที่ท่านใส่จะเป็นรองเท้านันยางหูหนีบ เมื่อใส่ไปนานๆ หูจะขาด ท่านก็จะเอาเชือกกล้วยมาฟั่น หรือบางคู่ก็จะใช่จีวรมาพัน เคยมีตำรวจท่านหนึ่งเห็นหลวงพ่อพานเดินสะพายย่าม อีกมือหนึ่งถือรองเท้า ตำรวจจึงถามท่านว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่ใส่รองเท้า" ท่านตอบว่า "เดี๋ยวมันจะสึก" ครั้งหนึ่งมีงานทอดกฐินของวัด กรรมการวัดเคยถามท่านว่า "ทำไมไม่เอาเงินไปซื้อรถ" ท่านตอบว่า "ญาติโยมเขาให้เงินมาสร้างวัด ไม่ให้เงินมาเพื่อซื้อรถ"
                          ส่วนเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์นั้น ด.ต.วิรัตน์ เล่าว่า ครั้งหนึ่งชาวบ้านโป่งกะสังได้เหมารถบัสใหญ่เพื่อไปนมัสการหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ หลวงพ่อคูณเห็นเหรียญที่ห้อยคอของผู้ที่ไปนมัสการท่าน จึงได้ถามว่าหลวงพ่ออะไร ได้รับคำตอบว่า เป็นเหรียญของหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง หลวงพ่อคูณจึงกล่าวกับผู้ไปนมัสการว่า
                          "พวกเองไม่ต้องมาหาข้าถึงที่นี่ด๊อก มันไกล พ่อพานมึงเก่งยิ่งกว่ากูอีก หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ยังต้องยอมท่าน และยังให้ลูกศิษย์ของตนเองไปเอาของดีจากท่าน"

------------------------------
('หลวงพ่อพาน วัดโป่งกระสัง' ขายมรดกของพ่อแม่ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาสร้างวัด : เรื่อง / ภาพ ... ไตรเทพ ไกรงู)