สองเกจิดัง ‘‘วัดหัวหิน’’
หลวงพ่อนาค-หลวงพ่อละม้าย
‘‘เพชรน้ำเอกแห่งทะเลตะวันตก’’
วัดหัวหินแม้เป็นวัดเล็กๆแต่มีความสำคัญในฐานะที่พระบรมวงศานุวงศ์เจ้านายและข้าราชบริพารได้บริจาค
ถ้าเอ่ยถึงอำเภอ ‘หัวหิน’สถานที่พักผ่อนชายทะเล
ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนโลก หลายคนรู้จักวัดหัวหิน เป็นอย่างดี
เพราะถ้าใช้เส้นทางถนนสายนี้ลงไปยังภาคใต้ล่ะก็ต้องผ่านวัดนี้
เพราะตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ก่อนถึงทางแยก
เลี้ยวลงไปชายหาดหัวหิน
ที่นี่คือที่มาของ 2 พระอาจารย์ ซึ่งเป็นสุดยอดพระเกจิ ที่ลือเลี่ยงไปด้วยปฏิทา-จาริวัตร
และเจ้าตำหรับ วัตถุมงคลที่คนทั่วไปแสวงหามาคุ้มครองกาย
วัดหัวหินมีความป็นมายังไง
ตามหลักของวัดกล่าวว่า วัดหัวหินตั้งอยู่ในหมู่บ้านตำบลหัวหิน
อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เขตอุปจารของวัดคือ ทิศเหนือ จดโรงเรียนเทศบาลหัวหิน ยาว 220 เมตร
ทิศตะวันออก จดถนนพูลสุข ยาว 180 เมตร
ทิศตะวันตก จดถนนเพชรเกษม ยาว 180 เมตร
ทุนทรัพย์ก่อสร้างปฏิสังขรณ์มาโดยตลอดโดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุปันได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบศาสนกิจหลายครั้งด้วยกัน
การก่อสร้างครั้งที่พระครูวิริยาธิการี (หลวงพ่อนาค) มาอยู่ที่สำนนักสงฆ์หัวหินมีพระภิกษุจากสำนักสงฆ์วังพงฆ์ตามมาด้วย
6 รูป ครั้งนั้นขยายกุฎิเพิ่มขึ้นให้พอเพียง
รวมทั้งก่อสร้างกุฎิหลวงพ่อนาคอันเป็นที่พำนักของท่านด้วย ต่อมาชาวบ้านได้ช่วยกันหาทุนสร้างโบสถ์ขึ้นเป็นอุโบสถเสาไม้มะค่าเครื่องบนและฝาไม่สัก
มุงกระเบื้ยง (ต่อมาหลวงพ่อนาคให้รื้
อไปสร้างโรงเรียนประชาบาลเมื่อ พ.ศ.2465
)จากนั้นได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาเนื้อที่กว้าง 20 เมตร
ยาว 30 เมตรและมีงานผูกพัทธสีมาปี พ.ศ.2411 และต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงกุฏิให้ดีขึ้นกว่าเก่าโดยผู้มีจิตรศรัทธาในย่านนั้น
ยอดพระเกจิองค์แรกของวัดหัวหิน
วัดหัวหินได้รับการพิจารณาโดยท่านพระครูวิริยาธิการโดยการร่วมมือจากชาวบ้านหัวหิน
จาก ปี พ.ศ.2439 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เดิมเป็นดินส่วนมะม่วง ของนายปีง นางอิ่ม เมื่อสร้างวัดแล้วได้ขนานนามว่า *วัดอัมพาราม* โดยถือเอาที่ๆสร้างวัดซึ่งเป็นสวนมะม่วงมาตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นเป็นนิมิต
ภายหลังเรียกว่า วัดแหลมหินแล้วเปลี่ยนชื่อว่า *วัดหัวหิน*
ตามนามของตำบลที่ตั้งของวัด
กล่าวกันว่าแต่เดิมก่อนสร้างวัดนั้นเคยมีสำนักสงฆ์อยู่ 2
แห่ง แห่งที่หนึ่งเรียกว่า *วัดโพธิ์* อยู่ตรงบ้านคลิงสมอเรียงในปัจจุบัน
มีพระภิกษุอยู่เพียง 1 รูป ส่วนอีกแห่งหนึ่งเรียกว่า *วักเกตุ*
อยู่ในบริเวณบ้านจักรพงษ์ในปัจจุบัน มีพระภิกษุ 2-3
รูปแต่ตามตำนานกล่าวว่าวัดแห่งนี้มักจะไม่มี่พระภิกษุพำนักอยู่เป็นประจำบางที่ก็มาๆ”ปๆซึ่งไม่สะดวกท่จะบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือกันสร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2439 โดยการนำของขุนครีเสละคาม
(พลอย กระแสสินธิ์) กำนันโต ผู้ใหญ่กล่ำ
ไปอาราธนาพระครูวิริยาธิการ จากสำนักสงฆ์วังพงก์ อำภอปราณบุรี
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มาเป็นเจ้าอาวาสในตอนแรก การปกครองสมัยพระครูวิริยาธิการ
(นาค ปุญญนาโค) ท่านพัฒนาวัดทั้งทางด้านถาวรวัตถุหลายอย่างโดยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในตำบลหัวหินอีกทั้งยังมีทั้งปริยัติศึกษาและสามัญศึกษาควบคู่กันไปด้วยจนกระทั้งท่านมรณภาพไปเมื่อ
ปี พ.ศ. 2477
ยอดรพระเกจิองค์ที่ 2
เมื่อหลวงพ่อมรณะภาพไปแล้วหลวงพ่อพระศีลวัตรวิมล
หรือหลวงพ่อละม้ายก้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสปกครองวัดหัวหินสืบต่อมาโดยโดยจะขอกล่าวประวัติของท่านพ่อสังเขปดังนี้
หลวงพ่อละม้ายกำเนิดที่ตำบลปากน้ำปราณ
เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 12 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.
2435 ในแผ่นดินแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่
5 เดิมนามว่า *ละม้าย* นามสกุล
บุญเชื้อ โยมบิดาชื่อ บัว พื้นเพเดิมโยมบิดาเป็นชาวกรุงเทพมหานครรับราชการเป็นมหาดเล็กในวังกรมพระจักรพรรดิพงษ์
ต่อมาได้ลาออกจาราชการและย้ายถิ่นฐานไปเป็นชาวประมงที่ปากน้ำปราณ
โยมมารดาพื้นเพเดิมเป็นชาวเมือง อินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
หลวงพ่อละม้ายมีพี่น้องรวม 5 คน
คือ 1 นางเสงี่ยม 2 นายคำ 3 นางละมูล
4 พระศิลวัตรวิมล (ละม้าย อมรธมฺโม ) 5 นางละมัย ชีวิตในวัยเยาว์หลวงพ่อละม้ายศึกษาเล่าเรียน
โดยการเรียนที่เรียกว่า *หนังสือวัด* จนอ่านออกเขียนได้และโยมบิดาประกอบอาชีพทำโป๊ะอยู่
6 ปี ต่อมาโยมบิดาและมารดาเปลี่ยนอาชีพไปทำไร่และค้าขาย หลวงพ่อละม้ายอายุ 22 ปี พ.ศ. 2457
โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม หลวงพ่อย้ายมาอยู่กับนายคำพี่ชายที่หัวหินและอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหัวหิน โดยมีพระครูวิริยาธิการ
เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเปี่ยม
วัดนาห้วย ปราณบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์ทัศน์ วัดเขาน้อย
ปราณบุรีเป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่อบวชเรียนแล้วท่านเล่าเรียนพระธรรมวินัย
วิปัสสนาธุระและพุทธาคมจากพระครูวิริยาธิการ หรือหลวงพ่อนาค จนเชียวชาญ
ซึ่งสมัยนั้นชาวบ้านต่างทราบดีว่าหลวงพ่อนาคท่านเก่งทางด้านนี้มาก
หลวงพ่อละม้ายนั้นท่านเป็นพระเถระทีตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย
ประพฤติปฏิบัติโดยมัชฌิมา
ปฏิปทามาโดยตลอดเป็นที่เคารพเลื่อมใสของบุคคลทั่วไป
ท่านตามรอยพระอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อนาคอย่างเคร่งครัดโดยตลอด
ถาวรวัตถุสมัยที่หลวงพ่อนาคสร้างไว้เสื่อมสภาพท่านก็บูรณะใหม่รวมทั้งยมังได้จดสร้างขึ้นใหม่อีกหลายอย่าง
รวมแล้วความเจริญรุ่งเรืองกับเกิดแก่วัดหัวหินเป็นลำดับตลอดชีวิตของท่าน
โดยท่านมรณะภาพไปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2523 เวลา 10.00 น. ด้วยโรคชรา
รามอายุ 87 ปี 3 เดือน 24 วัน
พรรษา 65 เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดหัวหินรวม
46 ปี
วัตถุมงคลวัดหัวหินมีอะไรบ้าง
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นในรุ่นต่างๆเท่าที่ขอมูลของทางวัดได้บันทึกเอาไว้โดยสังเขปดังนี้คือหลวงพ่อละม้ายท่านสร้างวัตถุมงคลในวาระต่างๆ
จำแนกเป็น 3 ประเภทคือ
1 ประเภทเหรียญ
2 ประเภทพระสมเด็จ 3 ประเภทรูปเหมือน
สำหรับประเภทเหรียญ
มีแยกแยะไว้ดังนี้
เหรียญรุ่นแรก
ขณะที่หลวงพ่อละม้ายดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูศิลาสมาคุณ สร้าง พ.ศ. 2495 เพื่อเป็นที่ระลึกงานทำบุญอายุครบ
60 ปี มีด้วยกัน 3 ชนิดคือ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน
เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง เหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญรูปไข่ มีห่วงในตัวกว้างประมาณ 1.9
ซม. ความสูงจากยอดห่วงถึงขอบเหรียญด้านล่างประมาณ 2.8 ซม
ลักษณะด้านหน้ารูปหลวงพ่อครึ่งองค์มีตัวอังษรไทยตัวนูนโค้งตามขอบเหรียญ 2
เส้น
ช่องว่างระหว่างเส้นกรอบมีเม็ดตุ่มกลมคั่นด้วยเส้นตรงขวางสลับกันไปนับเม็ดตุ่มกลมได้
48 เม็ด และเส้นขวาง 48
เส้น
ลักษณะด้านหลังตรงกลางเป็นยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ลากเส้นยันต์เป็นรูปสี่เหลี่ยมบรรจุอักษรขอมตัว
โส อยู่ตรงกลาง ตัว อะ ในวงซ้ายมือบน ตัว
มะ ในวงขวามือบน ตัว ระ อยู่ในวงซ้ายมือล่าง ตัว ธัม อยู่ในวงขวามือล่าง ตัว โม
อยู่ตรงกลาง มีตัวอักษรไทยเดิมเป็นแนวโค้งด้านบนของยันต์
เริ่มจากวงซ้ายมือด้านล่างจดขวามือด้านล่างว่า ที่ระลึกในงานทำบุญอายุครบ 60
ปี 2 พ.ย.95
ลักษณะเส้นยันต์และตัวอังษรล้วนเป็นเส้นนูน
เหรียญรุ่นที่สอง
เป็นเหรียญเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงสุดของหลวงพ่อ
สร้าง พ.ศ.2499 มีสองพิมพ์ด้วยกัน คือ
1.เหรียญเสมา
ถอดเค้าลักษณะมาจากเหรียญรุ่นแรกเรือนกรอบของเหรียญเป็นทรงเสมา มีห่วงในตัว มี 3
ชนิด คือ ชนิดทองคำ จำนวน 30 เหรียญ
ชนิดเงิน จำนวน 500 เหรียญ ชนิดทองแดงรมดำ จำนวน 3000
เหรียญ ขนาดความสูงจากปลายสุดของดวงกุดั่น ถึงยอดห่วงประมาณ 3.5
ซม. ความกว้างขอบบนประมาณ 1.8
ซม. ส่วนคอดประมาณ 2.1 ซม. และส่วนผายประมาณ 2.3 ซม.
เหรียญรุ่นนี้วงการนิยมเหรียญจำแนกออกเป็น
2 แบบ ทั้งที่ช่างได้ใช้บล๊อกอันเดียวกันในการปั๊มเหรียญ ข้อแตกต่างที่สังเกตได้ชัดเจนระหว่างเหรียญ 2
แบบ นี้คือ
แบบแรก เป็นเหรียญสมบูรณ์แบบตามบล๊อกเดิมทุกประการ
แบบสอง
เป็นเหรียญแบบบล๊อกแตกที่แก้มด้านขวาขององค์พระ
รอยแตกของบล๊อกเป็นทางยาวจากจมูกไปจดไหล่และด้านหลังภาษาขอมคำว่า นะ
เส้นยันต์วงยอดอุมาโลมลบเลือน
แบบที่สองนี้วงการให้ความนิยมสูงกว่าแบบแรกและเรียกกันว่าพิมพ์นิยม
ข้อเท็จจริงที่ทำให้เหรียญรุ่นนี้
มีลักษระแตกต่างกัน ทั้งที่มีบล๊อกเดียว
ก็คือช่างผู้ปั๊มเหรียญได้เริ่มปั๊มชนิดเหรียญทองแดงก่อนเมื่อปั๊มได้ประมาณ 2000
เหรียญบล๊อกด้านหน้าได้แตกบริเวณแก้มด้านขวาขององค์พระ
ลักษณะการแตกเป็นทางยาวลากจากจมูกไปจดไหล่ การแตกของบล๊อกดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้การปั๊มแต่ละครั้งด้านหลังที่มีตัวอังษรขอมคำว่า
นะ เส้นยันต์วงนอกที่ล้อมรอบและยันต์อุณาโลมล้มทุกเหรียญ ฉะนั้น เหรียญทองแดงที่เหลืออีกประมาณ
1000 เหรียญ กับเหรียญเงิน 500 และทองคำ 30 เหรียญ
จึงปั๊มด้วยบล๊อกแตกทั้งหมด
และยังสร้างเหรียญรุ่นที่สาม
รุ่นที่สี่ รุ่นที่ห้า รุ่นที่หก
รุ่นที่เจ็ด และเหรียญรุ่นสุดท้ายที่ระลึก
120 ปี
เหรียญรุ่นสุดท้ายที่ระลึก
120 ปี
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520
เป็นเหรียญที่โด่งดังและได้รับความนิยมรองลงมาจากเหรียญรุ่น
พ.ศ. 2499 ขณะที่สร้างเหรียญรุ่นนี้เป็นที่ฮือฮาในวงการมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาดำเนินการสร้างซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด
เวลาในการสั่งจองของผู้มีความประสงค์ รวมตลอดถึงการแจกจ่ายจำนวนเหรียญ
ล้วนสิ้นสุดด้วยความรวดเร็วทั้งสิ้น
ปฐมเหตุการสร้าง การสร้างเหรียญรุ่นนี้สืบเนื่องมาจากนับตั้งแต่พระครูวิริยาธิการีมรณภาพลงเมื่อวันที่
24 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 และคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันจัดงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเสมอมาทุกปี
วันจัดงาน คือ วันที่ 24 กรกฎาคม
อันเป็นวันคล้ายวันมรณะภาพของท่าน แต่สำหรับวันที่ 24 กรกฎาคม
พ.ศ. 2520 เป็นวันอาทิตย์ตรงกับวันที่ท่านมรณภาพพอดีจากวันที่ 24 กรกฎาคม
พ.ศ.2520 นับย้อนกลับไปถึงวันที่ท่านมรณภาพเป็นเวลา 43 ปี
และเมื่อย้อนกลับไปถึงวันอุปสมบทของท่านกํปรากฏว่าท่านอุปสมบท พ.ศ. 2453 นับเวลาจากที่ได้อุปสมบทถึงมรณภาพรวม
43 พรรษา พอดีอีก ฉะนั้นเมื่อย้อนหลังจากปี พ.ศ. 2520 ไปถึงที่ท่านกำเนิดคือ
พ.ศ. 2400 แล้ว ก็เป็นเวลายาวนานถึง 120
ปี
กาลเวลาหมุนเวียนไปตามกฏธรรมชาติเช่นนี้
แต่บังเอิญไปสอดคล้องกับชนมายุสมัยของท่านเข้า
คณะศิษยานุศิษย์จึงถือว่าเป็นกรณีพิเศษของท่านสมควรจัดงานบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษและสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้น
เรียกว่าเหรียญที่ระลึก 120 ปี โดยกำหนดให้เหรียญที่จะสร้างมีเค้าลักษณะเหมือนเหรียญรุ่นแรกของท่านส่วนรายได้ที่ได้จาดการนำเหรียญออกให้เช่าบูชาก็จะได้มอบให้วัดหัวหินนำไปสร้างถาวรวัตถุของวัดต่อไป
เหรียญรุ่นนี้มี 2 ชนิด คือ ชนิดทองแดงรมดำ จำนวน
เหรียญและชนิดเงินสร้างตามจำนวนผู้สังจอง
ลักษณะของเหรียญ
เรือนกรอบเป็นทรงเสมา
ขนาดความสูงจากปลายสูงของดวงกุดั่นถึงยอดห่วงประมาณ 3.5
ซ.ม. ความกว้างประมาณ 1.8 ซ.ม.
ส่วนคอดประมาณ 2.1 ซ.ม. และส่วนผายประมาณ 2.3
ซ.ม.
ลักษณะด้านหน้า
เรือนกรอบของเสมาเป็นลายพญานาคคู่ เศียรนาคผกหน้ากลับออกนอกขอบบนมีลักษณะเป็นเส้นกระหนาบคู่ขนานกัน
มีลายบัวคว่ำซ้อนกัน 2 แถว ๆแรก 5 กลีบ
แถวหลัง 5 กลีบ ส่วนล่างที่ลายพญานาคมาบรรจบกันเป็นลายกุดั่นครึ่งซีก
กลีบบบนของลวดลายวาดขึ้นทะลุเลยเส้นกระหนาบกรอบพญานาคขึ้นไปเล็กน้อยตรงกลางของเหรียญเป็นรูปพระครูวิริยาธิการีแบบครึ่งองค์แสดงรายละเอียดของใบหน้า
เส้นผม ริ้วจีวร สังฆาฏิ และอื่นๆ อย่างชัดเจน
มีอักษรไทยตัวนูนเหนือเคียรขององค์พระ 2
แถว ๆแรกว่า ที่ระลึก
แถวที่ 2 ว่า 120 ปี
ส่วนล่างใต้องค์พระมีอักษรไทยตัวนูนเรียงตามแนวโค้งของกรอบลายพญานาคว่า
พระครูวิริยาธิการี
ลักษณะด้านหลังของเหรียญมีข้อแตกต่างจากเหรียญรุ่นแรกตรงคำว่า
120 ปี กับ ส่วนเว้าใต้คางพญานาค ซึ่งช่างไม่สามารถแกะฉลุได้ทัน
เพราะมีเวลาจำกัดและไม่อาจทำตัวตัดในบล็อกได้
จุดเด่นของเหรียญาอยู่ที่ตรงใบหน้าของพระครูวิริยาธิการี
ที่ช่างผู้แกะบล๊อกสามารถแสดงรายละเอียดของใบหน้าได้เหมือนกับใบหน้าจริงของท่านอย่างดีที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม
หากเปรียบกับความงามและความเป็นระเบียบเรียบร้อยยังสู้เหรียญรุ่นแรกไม่ได้
ความมหัศจรรย์ในการแจกจ่ายเหรียญ คณะกรรมการได้กำหนดแจกจ่ายเหรียญ
ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2520
เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น เป็นต้นไปสำหรับเหรียญบรรจุกล่องติดหมายเลขหน้ากล่องให้ตรงกับหมายเลขของเหรียญผู้จองมีหมายเลขใดก็รับเหรียญตามหมายเลขนั้น ส่วนเหรียญทองแดงปรากฏว่าพอเริ่มเวลา 18.00
น.ก็มีประชาชนหลั่งไหลมารับเหรียญกันมากมาย
จนระดมพระในวัดช่วยกันระมัดระวังและอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาทำบุญรับเหรียญจากการตรวจสอบยอดเหรียญทองแดงที่จ่ายออกไปถึงเวลา
23.00
น. เป็นจำนวนถึง 4282 เหรียญ
คณะกรรมการจึงต้องตัดสินใจปิดการแจกจ่ายรอไว้วันรุ่งขึ้นเพื่อให้ประชาชนจากอำเภอใกล้เคียงได่มีโอกาสมารับเหรียญบ้าง
ครั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ 25 กรกรฎาคม พ.ศ. 2520 เวลา
7.00 น.ประชาชนได้ฮือฮากันเข้ามาขอเหรียญอีก
ทางคณะกรรมการจำต้องอนุโลมตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาจนเหรียญทองแดงส่วนที่เหลือหมดลงเมื่อเวลา
9.30 น. นับจากเริ่มเปิดให้เช่าทำบุญจนเหรียญหมด 7 ชั่วโมงครึ่งพอดี
เหรียญรุ่นนี้
จึงมียอดให้เช่าบูชาสูงสุดในระยะเวลาสั้นที่สุดในรอบปี พ.ศ. 2520 และจนบัดนี้ก็ยังไม่ปรากฎว่ามีเหรียญของพระเกจิอาจารย์ใดทำลายสถิตินี้ได้
(ในตอนนั้น)
ที่มา หนังสือยอดเกจิ